เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2560 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบมาตรการให้เงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อรองรับการดำเนินมาตรการ
ให้เงินช่วยเหลือเพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ได้มีมติรับทราบแนวทางการดำเนินโครงการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ โดยมีผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน
3.6 ล้านคน โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองหาน ขอเชิญชวนผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่มีรายได้เพียงพอต่อการใช้จ่าย ร่วมบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเข้ากองทุนผู้สูงอายุ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐ
เอกสารหลักฐานในการแจ้งบริจาคเงินเบี้ยยังชีพ
(๑) บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่าย พร้อมสำเนา
(๒) หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ (กรณีมีการมอบอำนาจ)
การยื่นคำขอบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุยื่นคำขอบริจาคด้วยตนเอง หรือในกรณีที่มีความจำเป็นผู้สูงอายุไม่สามารถยื่นคำขอบริจาคได้ด้วยตนเอง (อาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นยื่นคำขอบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พร้อมเอกสารหลักฐานข้างต้น)
เมื่อได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับทราบแล้ว จะดำเนินการนำเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้บริจาคเข้ากองทุนผู้สูงอายุในเดือนถัดไปเป็นประจำ
ทุกเดือนจนกว่าจะแจ้งความประสงค์ขอยกเลิกการบริจาค
(๑) กรณีผู้สูงอายุยื่นความประสงค์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุภายในวันที่ 15 ของเดือน จะเริ่มนำเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้บริจาคเพื่อส่งเข้ากองทุนผู้สูงอายุในเดือนถัดไป
(๒) กรณีผู้สูงอายุยื่นความประสงค์บริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุหลังจากวันที่ 15 ของเดือน จะเริ่มนำเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้บริจาคเพื่อส่งเข้ากองทุนผู้สูงอายุในเดือนถัดจากเดือนถัดไป
สิ่งที่ผู้บริจาคเบี้ยยังชีพจะได้รับ
(๑) เหรียญเชิดชูเกียรติ
(๒) สิทธิในการหักค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 1 เท่าของเงินบริจาค
การยกเลิกการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
การยกเลิกการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผู้บริจาคจะต้องบริจาคต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 12 เดือน
(1 ปี) โดยให้ยื่นคำขอยกเลิกการบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามแบบ ณ ที่ทำการ/สำนักงานที่ได้ยื่นคำขอบริจาค
เบี้ยยังชีพไว้ และจะได้รับเบี้ยยังชีพในเดือนถัดไปจากเดือนที่ครบกำหนด 12 เดือน (1 ปี) ที่บริจาค เมื่อได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว
-
สิ่งที่แนบมาด้วย
(๑) สื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
(๒) แบบคำขอบริจาคเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
|